3.2 การได้ยินของลูกวัยเตาะแตะของคุณ
ลูกน้อยของคุณได้เติบใหญ่มาเป็นผู้ที่อยากรู้อยากเห็น ซน และเคลื่อนไหวตลอดเวลา

มีสิ่งต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นกับลูกน้อยในวัยเตาะแตะนี้ และที่สำคัญ เขาควรจะได้ยินเสียงทุกเสียง เสียงำพูด เสียงบทสนทนาที่เกิดขึ้นรอบตัวเขา ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงที่คุณพบว่ามันยากที่จะให้อุปกรณ์นั้น เกี่ยวกับหูลูกตลอดเวลา แต่มันเป็นสิ่งจำเป็น และสำคัญมาก คุณยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด! ให้คุณหมั่นไปตามนัดหมาย ไม่ว่าจะกับผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์การได้ยิน หรือครูหรือนักกระตุ้นพัฒนาการด้านการฝึกฟังเพื่อการพัฒนาภาษาพูด
เรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่คุณสามารถทำได้ในขณะที่ลูกน้อยกำลังเจริญเติบโต พร้อมเดินหน้าต่อไปในเส้นทางของการฝึกพูดผ่านการฟัง
อุปกรณ์ของลูกน้อยวัยเตาะแตะ
การตรวจสอบอุปกรณ์ และการทดสอบการฟัง ประจำวัน
ตรวจสอบอุปกรณ์ และทดสอบการฟังผ่านอุปกรณ์ในทุกวัน
ในเมื่อทารกน้อยของคุณ ยังไม่สามารถบอกคุณได้ว่าอุปกรณ์ที่ใส่อยู่นั้นทำงานหรือไม่ในทุก ๆ เช้า คุณจำเป็นต้องจัดการกับสิ่งนี้ ใช้เลา 5 นาทีในช่วงการเริ่มต้นของวันในการ ตรวจสอบอุปกรณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าทารกน้อยของคุณสามารถได้ยินเสียงทุกเสียง รวมถึงเสียงคำพูดด้วย การตรวจสอบอุปกรณ์นี้สำคัญเนื่องจากคุณจะยืนยันได้ว่าอุปกรณ์ที่ทารกน้อยใช้อยู่นั้น สามารถรับเสียงคำพูดในทุกๆ ความถี่ไปที่สมองของการฟังของเขา แล้วตัวน้อยของคุณนั้นรับรู้ถึงเสียงคำพูดที่ได้ยิน แล้วได้ฟังคำพูดเหล่านั้นหรือไม่
เช็คแบตเตอรี่
ทดสอบแบตเตอรี่ว่าแบตเตอรี่นั้นมีไฟเต็มหรือไม่ ให้เปลี่ยนแบตเตอรี่หากพบว่ากำลังอ่อน เนื่องจากลูกน้อยจะต้องใส่อุปกรณ์การได้ยินที่ทำงานได้ปกติตลอดวัน
ฟังอุปกรณ์ช่วยการได้ยิน
ใช้สายฟังเสียงจากอุปกรณ์ที่ทางผู้เชี่ยวชาญได้แนะนำมา ฟังเสียงจากอุปกรณ์
ตรวจสอบการฟัง
เมื่อเปิดอุปกรณ์ช่วยการฟังของลูกน้อยแล้ว คุณจะต้องยืนยันว่าลูกน้อยได้ยิน ให้สังเกตเสียงแต่ละเสียงที่คุณพูด เสียงเหล่านี้คือเสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์ ให้คุณใช้เสียงปกติในระดับที่คุณใช้ในการสนทนา และเปลี่ยนการนำมาพูด โดยไม่ให้เรียงกันเหมือนเดิมในทุกครั้งในช่วงที่คุณนำมาตรวจสอบในทุก ๆ เช้า
- /m/ เหมือนคำว่า อืม
- /ah/ เหมือนคำว่า อา
- /oo/ เหมือนคำว่า อู
- /ee/ เหมือนคำว่า อี
- /sh/ เหมือนคำว่า ชู
- /s/ เหมือนออกเสียง ส
ในขณะที่ลูกน้อยวัยเตาะแตะของคุณเริ่มเติบโตขึ้น คุณสามารถสอนเขาให้บอกคุณได้ว่าเสียงที่ได้ยินนั้น คือเสียงอะไร เด็กในวัยนี้อาจจะแสดงให้คุณเห็นว่าเขาตระหนักต่อเสียงด้วยการหันหน้ามา มองหน้าคุณ หรือชี้ไปที่หูของเขา เมื่อลูกน้อยเริ่มโตขึ้นอีก ในวัยประมาณ 15-18 เดือน เขาจะสามารถระบุเสียงที่ได้ยินได้ โดยการชี้ไปที่สิ่งของ หรือรูปภาพที่สัมพันธ์กับเสียง ในระหว่างการตรวจสอบการฟังนั้น ให้คุณจดบันทึกเสียงใดที่ลูกระบุผิด หรือไม่ตอบสนอง เพื่อให้คุณนำมาแจ้งผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินทันที
ไฟ้ทดลองสิ่งนี้
เสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์นั้นสามารถนำมาใช้ได้กับระยะห่างระหว่างคุณ และลูกน้อยได้หลายระยะ ให้สังเกกตกกุว่า ระยะห่างเท่าใดที่ตุณต้องอยู่ใกล้ลูกพอที่เขาจะตระหนักเสียง และ ระบุเสียงได้ ให้ทดลองการออกเสียงในระดับการสนทนาปกติ ในระยะ 1 เมตร (หรือ 3 ฟุต) 2 เมตร (หรือ 6 ฟุต) และ 4 เมตร (หรือ 12 ฟุต) ลูกคุณตอบสนองในระยะเหล่านี้อย่างไรบ้าง? เขาตอยสนองอย่างไร? ข้อมูลเหล่านี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินและครูฝึกพูดผ่านทักษะการฟัง
เอกสารนี้ อธิบายถึงการตรวจสอบการฟังประจำวันให้กับเด็กวัยแรกเกิดของคุณ
ระยะเวลาการใส่เครื่องช่วยฟัง
คุณทราบดีว่าอุปกรณ์ช่วยการได้ยินของลูกคุณควรจะเปิด และใส่ไว้ตลอดเวลาตื่น หรืออย่างน้อย 10-12 ชั่วโมง เด็กน้อยวัยเตาะแตะชอบที่จะดึงเครื่องออกมาเล่น มากัด หรือทำเพื่อเรียกร้อยความสนใจ เด็กวัยนี้เป็นวัยที่การสอนการฟังเพื่อพัฒนาภาษาพูดนั้นต้องอาศัยเล่ห์เหลี่ยม หรือมีการหลอกล่อประกอบเพื่อให้เด็กไม่ดึงเครื่องออกจากหู เด็กวัยเตาะแตะส่วนใหญ่จะผ่านช่วงเวลานี้กัน แต่ช่วงเวลานี้ก็จะผ่านไป และจะง่ายขึ้นเมื่อเด็กเริ่มมีอายุเพิ่มขึ้น วิธีการให้เด็กไม่เอามือไปวุ่นวายกับอุปกรณ์ช่วยการได้ยินที่คุณสามารถทำได้
- หันเหความสนใจ จากอุปกรณ์ ไปยัอื่นงกิจกรรมต่าง ๆ
- เทป ให้ลองให้เทปทางการแพทย์ หรือเทปสำหรับวิกผม
- หมวก จะทำให้เด็กเข้าถึงอุปกรณ์ผ่านหมวกได้ยากขึ้น
การได้ยินของลูกวัยเตาะแตะ
การพูดแทนตนเอง
ส่วนสำคัญของการเดินทางของลูกคุณสู่การเรียนรู้การฟังเพื่อพัฒนาภาษาพูดั้นคือ การพูดแทนตนเอง เริ่มสอนลูกวัยนี้ของคุณทักษะต่างๆ ในการพูดแทนตนเอง เพื่อการเตรียมพร้อมในการไปเข้าเตรียมอนุบาล ให้เขาได้เกิดความมั่นใจในการพูดกับผู้อื่นเกี่ยวกับการได้ยิน อุปกรณ์ของเขา ช่วยใหลูกเข้าใจว่าคนเราทุกคนได้ยินด้วยสมอง ไม่ใช่ด้วยหู สอนให้เขาทราบว่าอุปกรณ์ที่เขาใช้อยู่ช่วยให้เสียงเข้าไปยังสมอง เพื่อให้เขาได้ยินเช่นเดียวกับเพื่อน ๆ และบุคคลในครอบครัว
คุณสามารถพัฒนาทักษะเหล่านี้ โดยการพูดคุยกับลูกน้อยเกี่ยวกับอุปกรณ์ของเขา ในช่วงของการทำกิจวัตรประจำวัน แสดงให้เขาเห็นว่าคุณเก็บอุปกรณ์ไว้ที่ไหน เมื่อเขาเข้านอน เพื่อให้เขารู้ว่าอุปกรณ์นั้นควรจะเก็บในที่ ๆ ปลอดภัย และไม่มีความชื้น เมื่อลูกยังเล็ก เริ่มสอนจากการให้ลูกตั้งชื่ออุปกรณ์ชิ้นนี้ พอลูกเริ่มโตขึ้น ให้ฝึกการใส่อุปกรณ์ด้วยตนเอง ให้รู้จักชื่อชิ้นส่วนต่าง ๆ และการทำงานของมัน เหล่านี้คือขั้นตอนเล็ก ๆ ง่าย ๆ ที่จะนำพาไปสู่การให้เขาสามารถ พูดด้วยตนเอง เมื่อเขาเติบโตขึ้น
การได้ยิน และความก้าวหน้า
ให้คุณเฝ้ามองการพัฒนาการของลูกน้อย ความล่าช้าทางพัฒนาการอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับความบกพร่องทางการได้ยิน
สิ่งต้องสงสัยที่อาจขัดขวางความก้าวหน้า
- การเปลี่ยนแปลงของการตอบสนอง เสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์
- ไม่ตอบสนองต่อเสียงต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในบ้าน
- ดูเหมือนไม่สนใจเมื่อคุณพูดด้วย
- ไม่ทำตามคำสั่งง่ายๆ
- เล่นเงียบ ๆ คนเดียว
- การพัฒนาภาษาไม่เป็นไปตามอายุของเด็กในวัยเดียวกัน
- ไม่รวมคำเป็นวลียาว ๆ หรือประโยค
- ไม่ได้ยินเสียงบางเสียง หรือบางส่วนของคำ (ในอายุ 24 เดือน)
- การได้ยินลดลงเมื่ออยู่ไกลขึ้น
หากคุณมีข้อสงสัยเหล่านี้ ให้พบผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินเด็ก หรือปรึกษาครูหรือนักกระตุ้นพัฒนาด้านการฟัง เพื่อพัฒนาภาษพูด ผู้ซึ่งคอยตรวจวัดความก้าวหน้าของการพัฒนาการทางภาษาของลูกคุณ
การพบผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน
คุณจะทำงานใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เพื่อคอยตรวจสอบการได้ยินของลูกน้อยอย่างสม่ำเสมอ จนลูกคุณมีอายุ 3 ปี คุณจะพบผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินทุก ๆ สามเดือน เพื่อตรวจสอบการได้ยิน และตรวจวัดการได้ยิน ในการนัดหายแต่ละครั้ง ผู้เชี่ยวชาญอาจจะได้ปรับเสียงของอุปกรณ์ หากมีความจำเป็น ดังนั้นให้คุณจำไว้เสมอว่าคุณสามารถนัดหมายผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินได้เสมอ หากคุณมีข้อสงสัย กังวลเกี่ยวกับการได้ยินของลูกน้อย หรือ อุปกรณ์ของเขา
ทุกครั้งที่พบผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน ก่อนกลับให้ทำนัดหมายในครั้งต่อไป แล้วจดแจ้งเตือนนัดหมาย ไว้ในมือถือของคุณ
สำหรับเครื่องช่วยฟัง
ลูกน้อยวัยเตาะแตะ – หูของเขา จะเปลี่ยนขนาดโตขึ้น ซึ่งหมายความว่า เขาจะต้องมีพมพ์หูชิ้นใหม่แทนชิ้นเดิม เพื่อให้ใส่ได้พอดี และลูกน้อยจะได้ยินเสียงคำพูดทุกเสียง สิ่งที่น่าสงสัยว่าลูกน้อยอาจจะต้องมีพิมพ์หูใหม่:
- พิมพ์หูหลุดบ่อย
- เห็นช่องว่างระหว่างพิมพ์หูกับรูหูชัดเจน
- มีเสียงหวีด
- เห็นการแตกร้าวของพิมพ์หู หรือ ท่อตัวเกี่ยวคล้องหู
สำหรับประสาทหูเทียม
เมื่ออุปกรณ์ของลูกน้อยได้ลงโปรแกรมแล้ว คุณจะได้มีนัดหมายกับผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับเครื่องแปลงสัญญาณประสาทหูเทียมอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์นั้นทำงานสมบูรณ์ ในระหว่างช่วงการนัดหมายแต่ละครั้งนั้น คุณอาจจะติดต่อนัดหมายหับผู้เชี่วชาญด้านการปรับเครื่องแปลงสัญญาณด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้:
- เมื่อคุณเห็นพฤติกรรมของลูกน้อยที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อใช้เครื่องแปลงสัญญาณ
- ลูกไม่ตอบสนองกับเสียง หรือเสียงคำพูดเหมือนที่เคย
- เสียงของลูกเพี้ยนไปกว่าที่เคยเป็น
- เครื่องแปลงสัญญาณไม่ทำงาน แม้ว่าชาร์จแบตเตอรี่เต็มแล้วก็ตาม