การตรวจสอบอุปกรณ์ประจำวัน

การตรวจสอบอุปกรณ์ประจำวัน

การตรวจสอบอุปกรณ์ในทุก ๆ วัน เพื่อให้คุณมั่นใจว่า อุปกรณ์ที่ลูกน้อยคุณใส่อยู่นั้นทำงานได้เป็นปกติ การตรวจสอบนี้ สามารถทำได้ในตอนเช้า ทุกวัน และยังรวมถึงการตรวจสอบด้วยสามขั้นตอนต่อไปนี้
  • การตรวจสอบจากการมอง
  • ทดสอบแบตเตอรี่
  • ตรวจสอบการฟังเสียงผ่านอุปกรณ์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน หรือ บริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ช่วยฟังสามารถให้ชุดเครื่องมือสำหรับการดูแลอุปกรณ์ เพื่อช่วยให้คุณดูแลอุปกรณ์ด้วยตนเอง

การตรวจสอบจากการมอง

สำหรับการตรวจสอบจากการมองในทุกวันนั้น คุณมองตรวจสอบเพื่อดูว่าชิ้นส่วนต่าง ๆ ของอุปกรณ์ช่วยการได้ยินของลูกน้อนั้นมีครบทุกชิ้นส่วน แล้วต่อได้ถูกต้อง มองหารอยแตก หัก มองว่าอุปกรณ์ตั้งค่าได้ถูกต้องตามที่ตามองเห็นได้

สิ่งที่ต้องมอง

  • มองตรวจสอบให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นอยู่ครบกับตัวเครื่อง และได้รับการใส่อย่างถูกต้อง
  • การตั้งค่าถูกต้อง
  • ไฟแจ้งเตือนการทำงาน
  • ช่องใส่แบตเตอรี่ และขั้วแบตเตอรี่ ไม่มีการกร่อน ร่อน
  • รอยแตก ร้าวของเปลือกนอกของอุปกรณ์
  • ปุ่ม สวิชต์ ฝาครอบไมโครโฟน ครบ ไม่มีการสูญหายใด ๆ
  • ขี้หู หรือฝุ่นในบริเวณพิมพ์หู
  • มีไอน้ำ หรือความชื่นภายในตัวเกี่ยวคล้องหูที่เชื่อมระหว่างพิมพ์หู และอุปกรณ์
  • รอยแตก ร้าวของพิมพ์หู หรือตัวเกี่ยวคล้องหู
  • มีสายไฟเส้นที่อู่ภายในออกมาให้เห็นจากภายนอก
  • มีการต่ออุปกรณ์ได้ถูกต้อง

การตรวจสอบอุปกรณ์ประจำวัน

การตรวจสอบจากการมอง

สำหรับการตรวจสอบส่วนประกอบของแบตเตอรี่ในทุกวันนั้น คุณต้องการให้มั่นใจว่า แบตเตอรี่ในอุปกรณ์ของลูกน้อยนั้น มีกำลังพอในการใช้งาน มีแบตเตอรี่สองแบบที่ใช้กับเทคโนโลยีช่วยการได้ยิน 1) แบตเตอรี่แบบใช้หมดแล้วทิ้ง 2) แบตเตอรี่แบบชาร์จได้ ในการทดสอบแบตเตอรี่แบบที่ใช้แล้วทิ้งนั้น คุณต้องต้องมีอุปกรณ์ทดสอบแบตเตอรี่ ที่จะมากับชุดเครื่องมือการดูแลอุปกรณ์ หลังจากที่คุณนำแบตเตอรี่ออกมาจากเครื่องของลูกแล้ว คุณจะใส่ไปในเครื่องทดสอบแบตเตรี่ เพื่อให้ทราบว่า กระแสไฟในแบตเตอรี่นั้นมีเหลืออยู่เท่าใด  อุปกรณ์แต่ละแบบมีตัวบ่งชี้กำลังแบตเตอรี่ไม่เหมือนกัน คุณจำเป็นต้องมั่นใจว่าในทุก ๆ เช้า ลูกน้อยของคุณมีแบตเตอรี่ที่มีกำลังไฟเต็ม หากอุปกรณ์บ่งชี้ว่าไฟไม่เต็ม คุณควรจะเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ลูกคุณ

สำหรับแบตเตอรี่ที่ชาร์จได้นั้น ที่ชาร์จแบตเตอรี่จะมากับอุปกรณืช่วยการได้ยิน  คุณสามารถศึกษาการใช้งานจากคู่มือของอุปกรณ์ช่วยการได้ยินเพื่อให้มั่นใจว่าในตอนเช้าทุกวัน แบตเตอรี่ของลูกคุณนั้น ชาร์จไฟเต็มแล้วพร้อมใช้งาน

ตรวจสอบการฟัง

สำหรับการตรวจสอบการฟังเสียงประจำวันนั้น สามารถทำได้สองส่วน

  1. การทดสอบฟังเสียงจากอุปกรณ์ที่ลูกน้อยใช้ด้วยตัวคุณเอง
  2. การตรวจสอบการฟังของลูกน้อยจากการทดสอบเสียงลิงค์หกเสียงด้วยตัวคุณ และลูกน้อย

การตรวจสอบในแต่ละส่วนของการฟังเสียงประจำวันนั้นเพื่อให้คุณทราบว่าอุปกรณ์ที่ลูกน้อยใส่อยู่นั้น ทำงานได้เป็นปกติ ให้เสียงที่ชัดเจน เสียงสามารถผ่านเข้าได้ไม่ติดขัด เพื่อให้ลูกน้อยนั้นได้ยิน และได้ยินเสียงต่างๆ

ในส่วนแรก ในการฟังเสียงอุปกรณ์ช่วยการได้ยินของลูกน้อยด้วยตัวคุณเองนั้น คุณจะต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติมในการทดสอบ ชุดดูแลอุปกรณ์ช่วยการได้ยินนี้ คุณจะได้รับพร้อมกับอุปกรณ์ช่วยการได้ยิน หรือคุณสามารถขอได้จากบริษัทผู้จำหน่ายอุปกรณ์ช่วยการได้ยินให้คุณ ในขณะที่ฟังเสียงจากเครื่องช่วยฟังของลูก คุณจะได้ยินสัญญาณ หรือเสียงที่ผ่านเข้ามาเช่นเดียวกับที่ลูกคุณจะได้ยินผ่านเครื่องช่วยฟังนั้น

การตรวจสอบอุปกรณ์ประจำวัน

สำหรับเครื่องช่วยฟังทั่วไป คุณจะต้องใช้อุปกรณ์คล้ายๆ ที่ฟังเสียงเต้นของหัวใจที่แพทย์ทั่วไปใช้ แต่อุปกรณ์นี้ จะมีที่ฟังในหูทั้งสองข้าง แล้วมีสายต่อมาที่เครื่องช่วยฟัง เพื่อให้คุณได้ตรวจสอบการฟังเสียงที่ผ่านเครื่องช่วยฟังเข้ามา

สำหรับเครื่องช่วยฟังผ่านกระดูก คุณจะต้องมีสายสำหรับการทดสอบหรือสายคาดศีรษะและ จุ๊บหูฟังสองข้างเพื่อใช้ในการทดสอบการฟังอุปกรณ์เครื่องช่วยฟังผ่านกระดูกของลูกคุณ อุปกรณ์เหล่านี้ อาจจะมาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ หรือคุณอาจจะต้องสอบถาม ขอรายละเอียดจากบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์นี้

สำหรับประสาทหูเทียม อุปกรณ์เพิ่มเติมเพื่อใช้ในการทดสอบฟังเสียงของแต่ละยี่ห้อนั้นแตกต่างกันไป บางยี่ห้อคุณอาจจะต้องใช้เพียงหูฟังแต่บางยี่ห้อคุณจะต้องมีหูฟัง รีโมท ตัวอาแดปเตอร์ ฯลฯ หากลูกคุณได้รับการผ่าตัดประสาทหูเทียม คุณจำต้องขอข้อมูลรายละเอียดนี้จากบริษัทผู้จำหน่ายอุปกรณ์ ไม่ว่าอุปกรณ์เพิ่มเติมที่จำต้องใช้เพื่อการทดสอบการฟังนั้นจะมีกี่อย่าง คุณจำเป็นต้องฟังเสียงผ่านไม่โครโฟนที่เสียงผ่านเข้า ในปัจจุบันนี้ ยังไม่มีวิธีที่จะฟังเสียงที่ลูกคุณได้ยินผ่านเครื่องแปลงสัญญาณ ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียง และประมวลผลมาให้ลูกคุณได้

ไม่ว่าลูกน้อยของคุณจะใช้เทคโนโลยีช่วยการได้ยินชนิดใด เมื่อคุณต้องการทดสอบการฟังเสียงจากอุปกรณ์คุณ จะต้อง:
  • พูดออกเสียงหกเสียงของ ดร. ลิงก์ โดยการพูดเสียงปกติไปที่ไมโครโฟน โดยให้ไมโครโฟนมีระยะห่างประมาณหกนิ้วจากปากของคุณ ให้คอยฟังเสียงที่ชัดเจน เสียงราบรื่น ไม่ติดขัด ไม่สะดุด ไม่มีเสียงซ่า ไม่มีเสียงอื่นจากการทำงานของอุปกรณ์แทรกเข้ามา
  • ให้กดปุ่ม และ สวิชต์ต่างๆ เพื่อให้มั่นใจว่าแต่ละปุ่ม แต่ละสวิชต์ทำงานตามปกติ เมื่อเครื่องทำงานในตอนแรก ให้สังเกตการณ์ตั้งค่าไว้ก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าการกดปุ่มและสวิชต์ต่างๆ ไปนั้นไม่ไปเปลี่ยนค่าของอุปกรณ์ที่ได้ตั้งไว้ให้กับลูกคุณก่อนหน้า
  • ค่อยๆ บีบอุปกรณ์ที่หมุนได้ เคลื่อนที่ได้ และพยายามฟังเสียงการส่งสัญญาณเพื่อทดสอบว่า เสียงที่ได้ยินนั้นไม่ผิดเพี้ยน
  • เปิด และ ปิด ช่องใส่แบตเตอรี่ หรือนำแบตเตอรี่ออก และใส่กลับไปใหม่ เพื่อตรวจสอบว่าอุปกรณ์นั้นเปิด และปิดได้เป็นปกติ
หากคุณสังเกตเห็นปัญหาขณะฟังเสียงผ่านอุปกรณ์ของลูกน้อย เป็นไปได้ว่าอุปกรณ์อาจจะต้องได้รับการซ่อมแซม อย่างไรก็ตาม คุณอาจจะสอบถามจากบริษัทที่จำหน่ายอุปกรณ์ให้กับคุณ หรืออ่านคู่มือในส่วนของการแก้ปัญหา ที่คุณอาจจะสามารถรีบแก้ไขได้ด้วยตนเองก่อน หากคุณพบว่าปัญหาดังกล่าวนั้นแก้ไขไม่ได้ ให้คุณรีบติดต่อขอนำอุปกรณ์ซ่อมแซมทันที

สำหรับส่วนที่สอง การทดสอบเสียงลิงค์หกเสียงด้วยตัวคุณ และลูกน้อย คุณจะออกเสียงแต่ละเสียง ของเสียงลิงค์หกเสียง ให้ลูกน้อย คุณจะต้องไม่ให้ลูกมองหน้าคุณ และควรทดสอบเลียงลิงค์ทั้งหกเสียงนี้ทันทีเมื่อลูกใส่อุปกรณ์ เสียงค์ลิงค์หกเสียงมีดังนี้:

  1. /m/ เหมือนคำว่า หมา
  2. /ah/ เหมือนคำว่า ปา
  3. /oo/ เหมือนคำว่า ปู
  4. /ee/ เหมือนคำว่า ดี
  5. /sh/ เหมือนคำว่า ชู
  6. /s/ เหมือนออกเสียง สี

ส่วนของการทดสอบการฟังส่วนนี้ เป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก เพื่อให้คุณมั่นใจว่าลูกได้ยิน และสังเกตเสียงคำพูดที่คุณพูด รายละเอียดของการทดสอบการฟังเสียงลิงค์หกเสียงนี้ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก การทดสอบการฟังประจำวันสำหรับเด็กวัยแรกเกิด วัยเตาะแตะ วัยเด็ก

    Similar Posts