การตรวจสอบการฟังประจำวัน

 
ดาวน์โหลดเอกสาร
 
การตรวจสอบการฟังเกิดขึ้นเพื่อให้คุณมั่นใจว่าลูกคุณได้ยินเสียงคำพูดทุกเสียงที่คุณพูดกับเขา (โดยที่เขาไม่ได้เห็นคุณ) ทันที่ที่ลูกคุณใส่อุปกรณ์ช่วยการได้ยิน
ทำไมถึงต้องตรวจสอบการฟังประจำวัน?

เหตุผลที่ต้องตรวจสอบการฟังทุกๆวันคือ:

  1. เพื่อให้เทคโนโลยีที่ลูกคุณใช้อยู่ส่งสัญญาณเสียงคำพูดสม่ำเสมออย่างสมบูรณ์ไปยังสมองของลูก เพื่อสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงของสมองของการฟังโดยธรรมชาติ
  2. เพื่อยีนยันว่าลูกนั้น รู้จักการสังเกตและได้ฟังเสียงคำพูดนั้นอย่างแท้จริง

  1.  

  1. /m/ เหมือนคำว่า หมา
  2. /ah/ เหมือนคำว่า ปา
  3. /oo/ เหมือนคำว่า ปู
  4. /ee/ เหมือนคำว่า ดี
  5. /sh/ เหมือนคำว่า ชู
  6. /s/ เหมือนออกเสียง สี

     ควรออกเสียงในระดับเสียงปกติเท่าระดับที่คุณออกเสียงเวลาพูด โดยที่ไม่ให้ลูกมองปากคุณ อย่าเค้น หรือ เน้นเสียงโดยการทำให้ดังขึ้นหรือลากยาวหรือพูดซ้ำ ๆ เสียงท้ังหกเสียงนี้ควรจะถูกเปล่งเสียงออกมาในระดับความดังเท่ากันในระยะเวลาเท่ากัน เช่นเดียวกับเวลาที่เสียงเหล่านี้ไปอยู่ในคำพูด ให้ออกเสียงหกเสียง โดยไม่เรียงลำดับเหมือนกันทุกวัน ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะเริ่มเสียงแรกด้วยเสียง ‘“ah” และครั้งต่อไป ในวันรุ่งขึ้น คุณจะเริ่มต้น ด้วยเสียง “oo” ให้คุณหยุดรอทุกครั้งที่ออกเสียงเสร็จแล้วเพื่อให้ลูกได้มีเวลาตอบกลับ ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน ครูฝึกพูดผ่านการฟังหรือนักกระตุ้นพัฒนาการสอนการฟัง เพื่อพัฒนาภาษาพูดสามารถช่วยเหลือคุณในการฝึกฝนการตรวจสอบการฟังประจำวันได้

    การตรวจสอบการฟังนั้นควรกระทำวันละหนึ่งคร้ังในทุกวันทันที่ที่ลูกใส่อุปกรณ์ช่วยการได้ยิน เราไม่จำเป็น ที่จะต้องตรวจสอบซ้ำในระหว่างวันนอกจากว่าคุณสังเกตเห็นว่าลูกไม่ตอบสนองเช่นที่เคยกระทำ

     เพราะว่าเสียงแต่ละเสียงทั้งหกเสียงน้ัน เป็นเสียงที่ครอบคลุมเสียงตามความถี่ของเสียงคำพูดของเราจากเสียงที่มีความถี่ต่ำ ได้แก่ (“m” และ “oo”) ไปจนถึงเสียงที่มีความถี่สูง (“sh” และ “s”) ความถี่ของเสียงน้ัน โดยปกติจะ เรียกกันว่าเสียงสูง เสียงต่ำ เมื่อลูกคุณสามารถได้ยินเสียงท้ังหกเสียง เขาจะย่อมได้ยินเวลาคุณพูด ร้องเพลง และอ่านหนั้งสือให้เขาฟัง โดยเฉพาะเมี่ออยู่ในห้องที่เงียบ และคุณนั้งอยู่ใกล้ๆ เขา

     ให้ใช้เสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์ในการตรวจสอบการฟัง เสมอต้ังแต่ลูกยังอยู่ในวัยแรกเกิด

     คุณควรจะออกเสียงเหล่านี้กับลูกในขณะที่อยู่ในระยะการพูดคุยกันปกติ ประมาณ 1-2 เมตร (3-6 ฟุต) เมื่อลูกคุณสามารถตระหนักและระบุเสียงท้ังหกเสียงในระยะนี้แล้ว คุณจึงสามารถอยู่ห่างออกไปถึงกลางห้อง จะทราบได้อย่างไรว่าลูกได้ยินเสียง ดร. ลิงค์ ท้ังหกเสียง?

นี่คือช่วงที่สนุก คุณจะทำงานร่วมกับครูนึกพูดผ่านการฟังหรือนักกระตุ้นพัฒนาการสอนการฟังเพื่อพัฒนาภาษาพูดหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เพื่อให้เขาสอนลูก เพื่อบ่งบอกคุณว่าเขาได้ยิน หลังจากที่คุณออกเสียงเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น ในการบ่งบอกว่าเขาตระหนักต่อเสียง เขาอาจจะนำห่วงพลาสติกร้อยลงในโคน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียง แล้วหากต้องการจะระบุเสียงที่ได้ยิน เขาจะชี้ไปที่หนึ่งในรูปภาพ แทนเสียง ดร ลิงค์หกเสียง เช่น ภาพทารกน้อยกำลังนอน แทนเสียง “sh” หรือ เขาอาจจะออกเสียง ที่เขาได้ยินออกมา

    ควร ส่วนหนี่งของการตรวจสอบการฟังประจำวัน คือการฟัง เสียงจากอุปกรณ์ของลูก คุณเพียงต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเดิมในการกระทำดังกล่าว กรุณาตรวจสอบรายละเอียดได้จากเอกสารของเรา
‘‘การตรวจสอบอุปกรณ์ชวยการได้ยิน ประจำวัน”

    ห้องที่ใช้ตรวจสอบการฟัง ควรจะเป็นห้องเงียบมากให้ปิดโทรทัศน์คอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ์าภายในบ้านคุณไม่ต้องการเสียงเหล่านี่มาเป็นเสียงรบกวนเสียงที่คุณกำลังจะเปล่งออกมา

     หากลูกไม่ตอบสนองหนี่งเสียง หรือมากกว่าน้ันจากเสียงหกเสียงอย่างแรก คือใหัมั่นใจว่าลูกต้ังใจฟัง และพ้องที่ใช้ทดสอบน้ันเงียบพอ แล้วหากลูกยังไม่ตอบสนอง ให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินทันที เพื่อการแก้ไขปัญหาโดยทันที สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเหตุจากอุปกรณ์ของลูก หรือการได้ยินของลูกที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่คุณต้องมั่นใจว่าเสียงคำพูดน้ันเช้าไปถึงสมองของลูก เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงภาษาและการรู้หนังสือ ดังน้ัน ปัญหาต่างๆ ที่พบควรได้รับการแกไขโดยเร็ว ที่สุด

     ถูกต้อง คุณจำเป็นต้องตรวจสอบการฟัง ประจำวันกับอุปกรณ์ทุกชิ้นของลูก หากคุณตรวจสอบการฟังประจำวันในขณะที่ลูกใส่อุปกรณ์ท้ังสองข้างพร้อมกัน คุณอาจจะพลาดกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการฟังในข้างใด ข้างหนึ่งได้ สิงที่ถูกต้องที่สุด คือการตรวจสอบการฟังประจำวันในอุปกรณ์ช่วยการฟังทีละเครื่อง (ทีละข้าง) และตรวจสอบอีกคร้ังเมื่อนำอุปกรณ์ท้ัง สองข้างใส่พร้อมกัน เพื่อให้มั่นใจถึงการเข้าถึงเสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์ ในการทดสอบการฟังทั้ง สามรูปแบบ

 
ดาวน์โหลดเอกสาร
 
    การตรวจสอบการฟังเกิดขึ้นเพื่อให้คุณมั่นใจว่าลูกคุณได้ยินเสียงคำพูดทุกเสียงที่คุณพูดกับเขา (โดยที่เขาไม่ได้เห็นคุณ) ทันที่ที่ลูกคุณใส่อุปกรณ์ช่วยการได้ยิน
ทำไมถึงต้องตรวจสอบการฟังประจำวัน?

เหตุผลที่ต้องตรวจสอบการฟังทุกๆวันคือ:

  1. เพื่อให้เทคโนโลยีที่ลูกคุณใช้อยู่ส่งสัญญาณเสียงคำพูดสม่ำเสมออย่างสมบูรณ์ไปยังมองของลูก เพื่อสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงของสมองของการฟังโดยธรรมชาติ
  2. เพื่อยืนยันว่าลูกนั้น รู้จักการสังเกตและได้ฟังเสียงคำพูดนั้นอย่างแท้จรืง

  1.  

  1. /m/ เหมือนคำว่า หมา
  2. /ah/ เหมือนคำว่า ปา
  3. /oo/ เหมือนคำว่า ปู
  4. /ee/ เหมือนคำว่า ดี
  5. /sh/ เหมือนคำว่า ชู
  6. /s/ เหมือนออกเสียง สี

     ควรออกเสียงในระดับเสียงปกติเท่าระดับที่คุณออกเสียงเวลาพูด โดยที่ไม่ให้ลูกมองปากคุณ อย่าเค้น หรือ เน้นเสียงโดยการทำให้ดังขึ้นหรือลากยาวหรือพูดซ้ำ ๆ เสียงท้ังหกเสียงนี้ควรจะถูกเปล่งเสียงออกมาในระดับความดังเท่ากันในระยะเวลาเท่ากัน เข่นเดียวกับเวลาที่เสียงเหล่านี้ไปอยู่ในคำพูด ให้ออกเสียงหกเลียง โดยไม่เรืยงลำดับเหมือนกันทุกวัน ตัวอย่างเข่น คุณอาจจะเริ่มเสียงแรกด้วยเสียง ‘“ah” และคร้ังต่อไป ในวันรุ่งขึ้น คุณจะเริ่มต้น ด้วยเสียง”oo” ให้คุณหยุดรอทุกครั้งที่ออกเสียงเสร็จแล้วเพื่อให้ลูกได้มีเวลาตอบกลับ ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน ครูฝึกพูดผ่านการฟังหรือนักกระตุ้นพัฒนาการสอนการฟัง เพื่อพัฒนาภาษาพูดสามารถช่วยเหลือคุณในการฟิกฝนการตรวจสอบการฟังประจำวันไต้

    การตรวจสอบการฟังนั้นควรกระทำวันละหนี่งครั้งในทุกวัน ทันที่ที่ลูกใส่อุปกรณ์ช่วยการได้ยิน เราไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบซ้ำในระหว่างวันนอกจากว่าคุณสังเกตเห็นว่าลูกไม่ตอบสนองเช่นที่เคยกระทำ

     เพราะว่าเสียงแต่ละเสียงท้ังหกเสียงน้ัน เป็นเสียงที่ครอบคลุมเสียงตามความถี่ของเสียงคำพูดของเราจากเสียงที่มีความถี่ตำ ได้แก่ (“m” และ “oo”) ไปจนถึงเสียงที่มีความถี่สูง (“sh” และ “s”) ความถี่ของเสียงน้ัน โดยปกติจะ เรียกกันว่าเสียงสูง เสียงต่ำ เมื่อลูกคุณสามารถได้ยินเสียงท้ังหกเสียง เขาจะย่อมได้ยินเวลาคุณพูด ร้องเพลง และอ่านหนั้งสือให้เขาฟัง โดยเฉพาะเมี่ออยู่ในห้องที่เงียบ และคุณนั้งอยู่ใกล้ๆ เขา

     ให้ใช้เสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์ในการตรวจสอบการฟัง เสมอต้ังแต่ลูกยังอยู่ในวัยแรกเกิด

     คุณควรจะออกเสียงเหล่านี้กับลูกในขณะที่อยู่ในระยะการพูดคุยกันปกติ ประมาณ 1-2 เมตร (3-6 ฟุต) เมื่อลูกคุณสามารถตระหนักและระบุเสียงทั้งหกเสียงในระยะนี้แล้ว คุณ จึงสามารถอยู่ห่างออกไปถึงกลางห้อง จะทราบได้อย่างไรว่าลูกได้ยินเสียง ดร. ลิงค์ ท้ังหกเสียง? 

นี่คือช่วงที่สนุก คุณจะทำงานร่วมกับครูนึกพูดผ่านการฟังหรือนักกระตุ้นพัฒนาการสอนการฟังเพื่อพัฒนาภาษาพูดหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เพื่อให้เขาสอนลูก เพื่อบ่งบอกคุณว่าเขาได้ยิน หลังจากที่คุณออกเสียงเหล่าน้ัน ตัวอย่างเช่น ในการบ่งบอกว่าเขาตระหนักต่อเสียง เขาอาจจะนำห่วงพลาสติกร้อยลงในโคน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียง แล้วหากต้องการจะระบุเสียงที่ได้ยิน เขาจะชี้ไปที่หนึ่งในรูปภาพ แทนเสียง ดร ลิงค์หกเสียง เช่น ภาพทารกน้อยกำลังนอน แทนเลียง “sh” หรือ เขาอาจจะออกเสียง ที่เขาได้ยินออกมา

หากลูกของคุณยังไม่พร้อมที่จะกระทำสิงเหล่านี้ให้ลองไปใช้
เอกสาร การตรวจสอบการฟังประจำวันสำหรับเด็กวัยแรกเกิด

    ควร ส่วนหนี่งของการตรวจสอบการฟังประจำวัน คือการฟัง เสียงจากอุปกรณ์ของลูก คุณเพียงต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเดิมในการกระทำ
ดังกล่าว กรุณาตรวจสอบรายละเอียดได้จากเอกสารของเรา
‘‘การตรวจสอบอุปกรณ์ชวยการได้ยิน ประจำวัน”

    ห้องที่ใช้ตรวจสอบการฟัง ควรจะเป็นห้องเงียบมากให้ปิดโทรทัศน์คอมพิวเตอร์อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ์าภายในบ้านคุณไม่ต้องการเสียงเหล่านี่มาเป็นเสียงรบกวนเสียงที่คุณกำลังจะเปล่งออกมา

     หากลูกไม่ตอบสนองหนี่งเสียง หรือมากกว่าน้ันจากเสียงหกเสียงอย่างแรก คือใหัมั่นใจว่าลูกต้ังใจฟัง และพ้องที่ใช้ทดสอบน้ันเงียบพอ แล้วหากลูกยังไม่ตอบสนอง ให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินทันที เพื่อการแก้ไขปัญหาโดยทันที สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเหตุจากอุปกรณ์ของลูก หรือการได้ยินของลูกที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่คุณต้องมั่นใจว่าเสียงคำพูดนั้นเช้าไปถึงสมองของลูก เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงภาษาและการรู้หนังสือ ดังน้ัน ปัญหาต่างๆ ที่พบควรได้รับการแกไขโดยเร็วที่สุด

     ถูกต้อง คุณจำเป็นต้องตรวจสอบการฟัง ประจำวันกับอุปกรณ์ทุกชิ้นของลูก หากคุณตรวจสอบการฟังประจำวันในขณะที่ลูกใส่อุปกรณ์ท้ังสองข้างพร้อมกัน คุณอาจจะพลาดกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการฟังในข้างใด ข้างหนึ่งได้ สิงที่ถูกต้องที่สุด คือการตรวจสอบการฟังประจำวันในอุปกรณ์ช่วยการฟังทีละเครื่อง (ทีละข้าง) และตรวจสอบอีกคร้ังเมื่อนำอุปกรณ์ท้ัง สองข้างใส่พร้อมกัน เพื่อให้มั่นใจถึงการเข้าถึงเสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์ ในการทดสอบการฟังทั้ง สามรูปแบบ

 
ดาวน์โหลดเอกสาร
 
  การตรวจสอบการฟังเกิดขึ้นเพื่อให้คุณมั่นใจว่าลูกคุณไดํยินเสียงคำพูดทุกเสียงที่คุณพูดกับเขา
(โดยที่เขาไม่ได้เห็นคุณ) ทันทีที่ลูกคุณใส่อุปกรณ์ช่วยการได้ยิน
ทำไมถึงต้องตรวจสอบการฟังประจำวัน?

เหตุผลที่ต้องตรวจสอบการฟังทุกๆวันคือ:

  1. เพื่อให้เทคโนโลยีที่ลูกคุณใช้อยู่ส่งสัญญาณเสียงคำพูดสม่ำเสมออย่างสมบูรณ์ไปยังมองของลูก เพื่อสร้างเครือข่ายการเชื่อมโยงของสมองของการฟังโดยธรรมชาติ
  2. เพื่อยืนยันว่าลูกนั้น รู้จักการสังเกตและได้ฟังเสียงคำพูดนั้นอย่างแท้จริง

  1.  

  1. /m/ เหมือนคำว่า หมา
  2. /ah/ เหมือนคำว่า ปา
  3. /oo/ เหมือนคำว่า ปู
  4. /ee/ เหมือนคำว่า ดี
  5. /sh/ เหมือนคำว่า ชู
  6. /s/ เหมือนออกเสียง สี

     ควรออกเสียงในระดับเสียงปกติเท่าระดับที่คุณออกเสียงเวลาพูด โดยที่ไม่ให้ลูกมองปากคุณ อย่าเค้น หรือ เน้นเสียงโดยการทำให้ดังขึ้นหรือลากยาวหรือพูดซ้ำ ๆ เสียงท้ังหกเสียงนี้ควรจะถูกเปล่งเสียงออกมาในระดับความดังเท่ากันในระยะเวลาเท่ากัน เข่นเดียวกับเวลาที่เสียงเหล่านี้ไปอยู่ในคำพูด ให้ออกเสียงหกเลียง โดยไม่เรืยงลำดับเหมือนกันทุกวัน ตัวอย่างเข่น คุณอาจจะเริ่มเสียงแรกด้วยเสียง ‘“ah” และคร้ังต่อไป ในวันรุ่งขึ้น คุณจะเริ่มต้น ด้วยเสียง”oo” ให้คุณหยุดรอทุกครั้งที่ออกเสียงเสร็จแล้วเพื่อให้ลูกได้มีเวลาตอบกลับ ผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน ครูฝึกพูดผ่านการฟังหรือนักกระตุ้น พัฒนาการสอนการฟัง เพื่อพัฒนาภาษาพูดสามารถช่วยเหลือคุณในการฟิกฝนการตรวจสอบการฟังประจำวันได้

    การตรวจสอบการฟังนั้นควรกระทำวันละหนี่งครั้งในทุกวัน ทันที่ที่ลูกใส่อุปกรณ์ช่วยการได้ยิน เราไม่จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบซ้ำในระหว่างวันนอกจากว่าคุณสังเกตเห็นว่าลูกไม่ตอบสนองเช่นที่เคยกระทำ

     เพราะว่าเสียงแต่ละเสียงท้ังหกเสียงน้ัน เป็นเสียงที่ครอบคลุมเสียงตามความถี่ของเสียงคำพูดของเราจากเสียงที่มีความถี่ตำ ได้แก่ (“m” และ “oo”) ไปจนถึงเสียงที่มีความถี่สูง (“sh” และ “s”) ความถี่ของเสียงน้ัน โดยปกติจะ เรียกกันว่าเสียงสูง เสียงต่ำ เมื่อลูกคุณสามารถได้ยินเสียงท้ังหกเสียง เขาจะย่อมได้ยินเวลาคุณพูด ร้องเพลง และอ่านหนั้งสือให้เขาฟัง โดยเฉพาะเมี่ออยู่ในห้องที่เงียบ และคุณนั้งอยู่ใกล้ๆ เขา

     ให้ใช้เสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์ในการตรวจสอบการฟัง เสมอต้ังแต่ลูกยังอยู่ในวัยแรกเกิด

     คุณควรจะออกเสียงเหล่านี้กับลูกในขณะที่อยู่ในระยะการพูดคุยกันปกติ ประมาณ 1-2 เมตร (3-6 ฟุต) เมื่อลูกคุณสามารถตระหนักและระบุเสียงทั้งหกเสียงในระยะนี้แล้ว คุณ จึงสามารถอยู่ห่างออกไปถึงกลางห้อง จะทราบได้อย่างไรว่าลูกได้ยินเสียง ดร. ลิงค์ ท้ังหกเสียง? 

นี่คือช่วงที่สนุก คุณจะทำงานร่วมกับครูนึกพูดผ่านการฟังหรือนักกระตุ้นพัฒนาการสอนการฟังเพื่อพัฒนาภาษาพูดหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยิน เพื่อให้เขาสอนลูก เพื่อบ่งบอกคุณว่าเขาได้ยิน หลังจากที่คุณออกเสียงเหล่าน้ัน ตัวอย่างเช่น ในการบ่งบอกว่าเขาตระหนักต่อเสียง เขาอาจจะนำห่วงพลาสติกร้อยลงในโคน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียง แล้วหากต้องการจะระบุเสียงที่ได้ยิน เขาจะชี้ไปที่หนึ่งในรูปภาพ แทนเสียง ดร ลิงค์หกเสียง เช่น ภาพทารกน้อยกำลังนอน แทนเลียง “sh” หรือ เขาอาจจะออกเสียง ที่เขาได้ยินออกมา

หากลูกของคุณยังไม่พร้อมที่จะกระทำสิ่งเหล่านี้ให้ลองไปใช้
เอกสาร การตรวจสอบการฟังประจำวันสำหรับเด็กวัยแรกเกิด
และการตรวจสอบการฟังประจำวันสำหรับเด็กวัยเตาะแตะ

    ควร ส่วนหนี่งของการตรวจสอบการฟังประจำวัน คือการฟังเสียงจากอุปกรณ์ของลูก คุณเพียงต้องมีอุปกรณ์เพิ่มเติมในการกระทำดังกล่าว กรุณาตรวจสอบรายละเอียดได้จากเอกสารของเรา
‘‘การตรวจสอบอุปกรณ์ชวยการได้ยินประจำวัน”

    ห้องที่ใช้ตรวจสอบการฟัง ควรจะเป็นห้องเงียบมากให้ปิดโทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ์าภายในบ้านคุณไม่ต้องการเสียงเหล่านี่มาเป็นเสียงรบกวนเสียงที่คุณกำลังจะเปล่งออกมา

     หากลูกไม่ตอบสนองหนี่งเสียง หรือมากกว่าน้ันจากเสียงหกเสียงอย่างแรก คือใหัมั่นใจว่าลูกต้ังใจฟัง และพ้องที่ใช้ทดสอบน้ันเงียบพอ แล้วหากลูกยังไม่ตอบสนอง ให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการได้ยินทันที เพื่อการแก้ไขปัญหาโดยทันที สิ่งเหล่านี้อาจจะเป็นเหตุจากอุปกรณ์ของลูก หรือการได้ยินของลูกที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่คุณต้องมั่นใจว่าเสียงคำพูดนั้นเช้าไปถึงสมองของลูก เพื่อสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงภาษาและการรู้หนังสือ ดังน้ัน ปัญหาต่างๆ ที่พบควรได้รับการแกไขโดยเร็วที่สุด

     ถูกต้อง คุณจำเป็นต้องตรวจสอบการฟัง ประจำวันกับอุปกรณ์ทุกชิ้นของลูก หากคุณตรวจสอบการฟังประจำวันในขณะที่ลูกใส่อุปกรณ์ท้ังสองข้างพร้อมกัน คุณอาจจะพลาดกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการฟังในข้างใด ข้างหนึ่งได้ สิงที่ถูกต้องที่สุด คือการตรวจสอบการฟังประจำวันในอุปกรณ์ช่วยการฟังทีละเครื่อง (ทีละข้าง) และตรวจสอบอีกคร้ังเมื่อนำอุปกรณ์ท้ัง สองข้างใส่พร้อมกัน เพื่อให้มั่นใจถึงการเข้าถึงเสียงหกเสียงของ ดร. ลิงค์ ในการทดสอบการฟังทั้ง สามรูปแบบ

Similar Posts